เชื่อว่าแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ หลายคนก็คงช็อกกับการตัดสินใจของสโมสรที่เลือกไม่เก็บตัวของ กรีนวู้ด เอาไว้กับทีมต่อ แต่หลายคนก็คงทำใจเอาไว้แต่แรกแล้ว เพราะกระแสสังคมจากทางฝั่งอังกฤษนั้นค่อนข้างรุนแรงเอามากๆ ว่าไม่ต้องการให้ดาวยิงรายนี้อยู่กับทีมอีกต่อไป

เรื่องแบบนี้ในวงการฟุตบอลไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นจากกรณีนอกสนามแล้วลามมายันในสนาม ซึ่งในกรณีของกองหน้าวัย 21 ปี ถือว่าเป็นเรื่องที่ ‘รับไม่ได้’ เอามากๆเลยด้วยสำหรับวัฒนธรรมของฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘การทำร้ายร่างกายภายในครอบครัว’

แล้วยิ่งกับการที่ได้มาเป็นนักฟุตบอลอาชีพของ พรีเมียร์ลีก ที่มีแสงสปอตไลท์สาดส่องเข้ามาอยู่ตลอดเวลา มันจึงเป็นเหมือนการบังคับกลายๆให้คุณต้องเป็นต้นแบบให้กับคนอื่นๆในสังคม

คราวเราลองมาไล่ไทม์ไลน์ของ กรีนวู้ด ดูกันนะครับ

เมื่อเดือนมกราคม 2022 เขาโดนตำรวจจับกุมตัว กรณีข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และข่มขืนแฟนของเขาเอง นอกจากนี้ยังโดนทางสโมสรแบนออกจากฝึกซ้อมและลงเล่นตั้งแต่ตอนนั้น รวมถึงสปอนเซอร์ต่างก็ถอนตัวออกไปจนหมด

จากนั้นลากยาวมาจนถึงเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน ก็ได้ไปขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตัดสินโทษออกมา จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ศาลก็ได้สั่งยกฟ้อง เนื่องจากพยานของฝ่ายโจทก์ หรือว่าแฟนของแข้งรายนี้ ขอถอนฟ้อง การพิจารณาคดีก็ได้จบแต่เพียงเท่านี้ และทางกฏหมาย กรีนวู้ด ก็กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ พ้นจากทุกข้อกล่าวหา

แต่เขาโดนสังคมตราหน้าไปแล้วว่าเป็น ‘คนผิด’ และคนในสังคมคงไม่ยอมให้อภัยกับเขาง่ายๆอย่างแน่นอน โดนเฉพาะการทำร่ายร่างกาย หรือข่มขืน แม้ว่าจะเป็นแฟนของตัวเองก็ตาม แต่ถ้าไม่มีการยินยอม มันก็คือการข่มขืนนั่นแหละครับ

ภาระจึงมาตกอยู่กับต้นสังกัดของเขา ซึ่งก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จัดการอะไรได้ชักช้าเหลือเกิน จะเก็บเอาไว้ก็กลัวเสียภาพลักษ์สโมสร จะปล่อยตัวไปก็เสียดายเด็กที่ปั้นมาจากอคาเดมี่ของตัวเอง

จนในที่สุด เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ริชาร์ด อาร์โนลด์ ซีอีโอของ ยูไนเต็ด ก็ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันที่จะปล่อยให้ กรีนวู้ด ได้หาต้นสังกัดใหม่ในทันที โดยที่ตัวนักเตะยังเหลือสัญญากับสโมสรจนถึงปี 2025

ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า บทสรุปของดาวรุ่ง ‘ผีแดง’ รายนี้จะไปลงเอยที่ไหน จะมีสโมสรไหนกล้ารับไปเลี้ยงดูไหม แต่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญของ กรีนวู้ด ที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของตัวเขาเอง